Saturday, August 13, 2016

ตอนที่ ๓ รุ่งเรืองในร่มธรรม



            ในช่วงเข้าพรรษาปี ๒๕๓๑ อาตมาและเพื่อนๆสามเณรรุ่นเดียวกัน ก็ได้มีโอกาสขึ้นมาพักบนกุฏิหมายเลข ๓ 
ซึ่งมีหลวงพี่หาญชัย อาสภกนฺโต  เป็นพระพี่เลี้ยงประจำกุฏิ


สามเณรกุฏิ ๓ นี้ปัจจุบันเหลืออยู่ ๕ รูป บวชเป็นพระภิกษุพรรษา ๒๐ ต้นๆ ทุกรูปเป็นพระมหาเถระแล้ว หลายรูปเรียนจบป.ธ. ๙ บางรูปเป็นเจ้าอาวาสดังมีรายละเอียดต่อไปนี้

๑. รูปที่ ๑  แถวหน้าสุดนับจากขวามือ พระครูศรีธีรวิเทศ ป.ธ.๖ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายปารีส ประเทศฝรังเศษ
๒. รูปที่ ๒  แถวหน้าสุดนับจากซ้ายมือ พระมหาเลียด อคฺครโต ป.ธ.๗  วัดพุทธไอซ์แลนด์ ประเทศไอซ์แลนด์
๓.รูปที่นั่งตรงกลางแถวหน้าสุดจากขวามือ พระมหาพิษณุ วิสุทฺธิญาโณ ป.ธ.๗ รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายออสเตรีย 
๔. รูปที่ ๔  แถวที่ ๒ นับจากซ้ายมือ พระมหาดร.สมบัติ อินฺทปญโญ ป.ธ.๙ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา (ตัวอาตมาเอง)
๕. รูปที่ ๒  แถวหลังสุดนับจากซ้ายมือ พระมหาสุพล สุพโล ป.ธ.๙ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีนาคราราม รองเจ้าคณะอำเภอกุมภวาปี จ.อุดรธานี 


              เมื่อได้ขึ้นมาพักบนกุฏิ ทำให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น อ่านหนังสือก็สะดวก ช่วงนั้นเรียนทั้งบาลีและนักธรรมมโทอย่างเข้มข้น สามเณรขยันกันมาก พระอาจารย์วศิล สอนนักธรรม พระอาจารย์มหากิจจา สอนบาลี  ท่านให้ท่องส่งแบบบาลีไวยากรณ์ทุกวัน ทุกรูปแข่งกันว่า สามเณรรูปใด จะท่องส่งแบบกันได้มากที่สุดจบไวที่สุด    
 สามเณรจึงตื่นมาตั้งแต่ตีสามเพื่อท่องบาลีไวยากรณ์ เพราะตอนหัวค่ำหลวงพี่ชินกำหนดให้เข้าจำวัดไม่เกินสี่ทุ่ม ถ้ารูปใดมาเกินสี่ทุ่มก็มีกุศลวิวัฒน์ คือต้องเพิ่มพูนบุญกุศลกันอีกหน่อยด้วยการให้นั่งสมาธิเพิ่ม ตามเวลาที่มาสาย




สามเณรทุกรูปจึงรีบจำวัดเพื่อตื่นมาท่องหนังสือในตอนเช้า สามเณรยังไม่มีโคมไฟประจำตัว จึงต้องอาศัยแสงไฟบนเพดานในห้องเรียน และแสงไฟไฟจากสปอร์ตไลท์ ส่องแสงเพื่อท่องหนังสือ เพราะฉะนั้นช่วงหัวค่ำและช่วงเช้ามืดจะเห็นสามเณรเดินวนรอบเสาสปอร์ตไลค์เป็นทิวแถวเพื่อท่องบาลีกัน นี่คือบรรยากาศเรียนบาลีของสามเณรในยุคนั้น


กิจวัตรประจำวันของสามเณรมีดังนี้
 ช่วงเช้ามืด :ทำวัตรเช้า,ปฎิบัติธรรม ,รับบุญทำความสะอาดกุฎิที่พัก,กวาดใบไม้ที่บริเวณพื้นที่ ๑๙๖ ไร่,บางกลุ่มรับบุญไปบิณฑบาต 






พอรับบุญเสร็จ ก็เดินไปฉันเช้าที่สภาธรรมกายสากลหลังคาจาก โดยตั้งแถวตอนเรียงสอง เดินไปอย่างเป็นระเบียบ ห้ามพูดคุย ห้ามเดินลากเท้า ต้องเดินให้เบาที่สุด ฝุ่นจะได้ไม่ฟุ้งไปรบกวนเพื่อนสามเณรที่เดินมาด้านหลัง ในช่วงเดินไปฉันหรือช่วงเดินบิณฑบาต สามเณรทุกรูปจะถือหนังสือบาลีไวยากรณ์ไปด้วย และท่องทบทวนไปตลอดทาง ซึ่งทำให้ท่องจำได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ช่วงที่เดินแถวไปฉัน หลวงพี่ชิน หรือพระพี่เลี้ยงรูปอื่นๆก็จะเดินขนาบข้างไปด้วย เพื่อดูแลความเรียบร้อย ให้สามเณรอุ่นใจว่า มีพระพี่เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ 



กุฏิสามเณรตอนนั้น ปัจจุบันคือบ้านแก้ว ซึ่งเป็นบ้านพักของอาสาสมัคร สำนักศรัทธาภิบาล อยู่ใกล้ๆกับสถานพยาบาล 

ช่วงที่เดินไปฉัน ก่อนจะถึงสภาธรรมกายสากลหลังคาจาก จะมองเห็นซุ้มประตูที่ตั้งอยู่ริมคลองแอน ซึ่งบนซุ้มเขียนข้อความว่า ธรรมกายคือเป้าหมายชีวิต คำนี้ติดตาตรึงใจอาตมา  มาตราบเท่าถึงทุกวันนี้ ตอนนั้นอ่านข้อความนี้แล้วคิดในใจว่า เราต้องปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายในชาตินี้ให้ได้ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยได้เคยให้โอวาทเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า ลูกๆทุกรูปทุกคนต้องปฏฺบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ เพราะว่าเราอยู่วัดพระธรรมกาย ทุกคนต้องเข้าถึงพระธรรมกาย






            เมื่อฉันเช้าที่สภาธรรมกายสากลเสร็จแล้ว พระพี่เลี้ยงก็แบ่งบุญให้สามเณรรับบุญจัดเก็บภัตตาหารและตั้งภาชนะใหม่เพื่อเตรียมฉันภัตตาหารเพล ช่วงสายเข้าเรียนบาลี จากนั้นไปฉันเพล พอหลังเพลเข้าปฏิบัติธรรม  ๑ ชั่วโมง แล้วเข้าเรียนนักธรรม 



ช่วงเย็น รับบุญตามกลุ่ม เช่นรน้ำต้นไม้, ตัดหญ้า, ปลูกต้นไม้ใส่กระถางไว้ประดับในงานบุญใหญ่, ขัดวิมาน ช่วงนั้นอาตมาได้รับบุญดูแลสวน รดน้ำต้นไม้




ช่วงค่ำ: ทำวัตรเย็น,ปฏิบัติธรรม,และอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ท่องส่งแบบบาลีไวยากรณ์กับพระพี่เลี้ยง 

พอถึงเวลาสี่ทุ่มตรง ก็เข้ากุฏิ นั่งสมาธิแผ่เมตตาและหลับในอู่ทะเลบุญ 


ทุกเวลาอยู่กับการสร้างบุญบารมี แม้กิจวัตรกิจกกรรมจะแน่นมาก แต่สามเณรทุกรูปก็มีความสุข และสนุกกับสร้างบารมี ช่วงนี้รู้คุ้นเคยกับเพื่อนๆมากขึ้น ได้รับบุญด้วยกัน เรียนหนังสือด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกันตลอดเวลา
ทำให้เกิดความรักความผูกพันกัน ไม่ทะเลาะกัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก 
หลวงพี่ชินจะไม่ให้พูดภาษาถิ่น ให้พูดภาษากลาง เพื่อจะได้ไม่มาแบ่งพรรคแบ่งพวก ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือ สามเณรวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ สามเณรใต้ สามเณรอีสาน สามเณรเหนือ 
พวกเราจะมีความรู้สึกของความเป็นทีมมากๆ ก็จากการได้หล่อหลอมร่วมกันอย่างนี้ มีอะไรก็แบ่งปันกัน อดก็อดด้วยกัน อิ่มก็อิ่มด้วยกัน 
หลวงพี่ชินบอกว่า "ฉันข้าวหม้อเดียวกัน  ให้มีความรักสามัคคีต่อกัน อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน"
และท่านให้เคารพกันตามอาวุโส คือเวลาสามเณรที่มีอายุน้อยกว่าเรียกสามเณรที่มีอายุมากกว่า ก็ให้เรียกว่า  "พี่เณร" ทุกครั้ง 
ช่วงนี้อาตมาจะไม่คิดถึงบ้านแล้ว กำลังสนุกกับการท่องบาลี และได้ปฏิบัติธรรมมากขึ้น ทำให้ใจสงบ ใจไม่ว้าวุ่น เริ่มอยู่ตัวแล้ว มีความสุขมากๆ สรุปว่าการได้มาสร้างบารมีที่ีวัดพระธรรมกายแฮปปี้มากๆครับ
ในตอนต่อไปจะเล่าให้ฟังถึงเรื่อง การได้มีโอกาสร่วมบุญทอดกฐินกับคุณยาย โปรดติดตามกันต่อไป

ขอบคุณภาพจาก Fb:พุทธสามัคคี และสหพันธ์มหาเปรียญ
 อ.อินทปญฺญา
๑๒ ส.ค.๕๙ 



#วัดพระธรรมกาย
#กรณีธรรมกาย
#หลวงพ่อธัมมชโย
#ธรรมกาย
#พระพุทธศาสนา

4 comments:

  1. สาธุ น่าปลื้มใจเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  2. ปลื้มแล้ว ปลื้มอีก ค่ะ 😂😂😂

    ReplyDelete
  3. สาธุ สาธุ สาธุเจ่าค่ะ
    ปลื้มในตอนต่อไป

    ReplyDelete