Thursday, August 11, 2016

ตอนที่ ๒ ร่มธรรมอันร่มเย็น


         เมื่อสามเณรทั้ง ๒๑ รูปรับโอวาทจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสและกราบลาท่านแล้ว ก็ขึ้นรถตู้ไปสถานีรถไฟจันดี จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเดินทางไปกรุงเทพมหานคร สุดปลายทางที่สถานีหัวลำโพง นับเป็นครั้งแรกที่อาตมาได้เข้ากรุงเทพฯรู้สึกตื่นเต้นมาก การเดินทางครั้งนี้มีพระอาจารย์ไปด้วย ๒ รูปคือ พระมหาลำดวนและพระมหาดร.สมคิด การเดินทางด้วยรถไฟยาวนานมาก รถออกจากสถานีจันดีประมาณห้าโมงเย็น ไปถึงสถานีหัวลำโพงประมาณตีห้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑๒ ชั่วโมง  พอรถไฟเข้ากรุงเทพฯก็ได้เห็นแสงสีของเมืองกรุงอันน่าตื่นตาตื่นใจ พอลงจากรถไฟก็มีรถตู้มารับ ๒ คัน เดินทางต่อไปยังวัดพระธรรมกาย ซึ่งต้องเดินทางอีก ๑ ชั่วโมงก็ถึงวัดพระธรรมกาย     
    
พอรถเลี้ยวเข้าวัดพระธรรมกายตรงถนนเลียบคลองแอน ก็มองเห็นเต็นท์ยักษ์สีเขียวแบบชุดทหาร และกุฏิจากตั้งเรียงกันอยู่เป็นทิวแถว ก็ได้ยินเสียงพระอาจารย์พูดว่า ถึงวัดพระธรรมกายแล้ว มองลอดหน้าต่างรถตู้ออกมาพลางคิดในใจว่า น้ำตกและลำธารที่เราเห็นในวีดีโอและในหนังสือหายไปไหน มองหาเท่าไรก็ไม่เจอ เกิดความสงสัยในใจว่า เรามาผิดที่หรือเปล่าเนี่ย ตอนมาเห็นวัดพระธรรมกายครั้งแรก ยังคิดว่าใช่ค่ายทหารหรือเปล่านี่ 

ลงจากรถก็ห่มจีวรลดไหล่แล้วกราบนมัสการพระอาจารย์ที่มาต้อนรับ โดยมีหลวงพี่เบญจพล รูปที่เคยไปวัดมะนาวหวานได้มาต้อนรับด้วย และท่านพาไปกราบหัวหน้าพระพี่เลี้ยงสามเณร ต่อมาจึงทราบชื่อของท่านว่า หลวงพี่สุรพล ชินกุโล แต่สามเณรจะเรียกท่านว่า หลวงพี่ชิน เป็นอันสรุปว่าพวกเราได้อยู่ในการปกครองของหลวงพี่ชินตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา 

            วันที่อาตมามาถึงวัดพระธรรมกายตรงกับวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ หลวงพี่ชินให้พาไปฉันเช้าที่สภาธรรมกายสากลหลังคาจาก ระหว่างที่ไปสภาฯก็พยายามมองหาน้ำตกและลำธารที่เคยเห็น แต่ก็ยังไม่เห็น  และมาทราบทีหลังอีกหลายวันว่า สถานที่นั้นอยู่ในพื้นที่ ๑๙๖ ไร่ภายในกำแพงวัด ส่วนพื้นที่ๆเราอยู่ปัจจุบันนี้เป็นพื้นที่ ๒,๐๐๐ ไร่ ซึ่งเพิ่งขยายออกมาไม่นาน 








ฉันเช้าเสร็จ พระอาจารย์ทั้งสองรูปที่มาส่งก็ลากลับ จากนั้นหลวงพี่ชินก็บอกว่า จะพาไปเข้าที่พัก ก็เข้าใจว่า น่าจะได้พักในกุฏิจากหลังใดหลังหนึ่ง แต่ที่ไหนได้ ท่านเรียกให้ไปเข้าแถวเรียงหนึ่ง แล้วให้พี่เณรแจกกลด, มุ้ง ,ผ้าพาสติกสำหรับปูพื้น,เสื่อปูนอนและไม้ไผ่หนึ่งท่อน จากนั้นก็ชี้ไปในทุ่งโล่งด้านล่างแล้วบอกว่า ให้ไปปักกลดในทุ่งนั้น นั่นแหละคือที่จำวัดของพวกเธอ 
 

สามเณรทั้ง ๒๑ รูปได้มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างตกตะลึง เมื่อได้ทราบว่า ที่พักของตนเองคือทุ่งโล่งๆนั่นเอง มาถึงตอนนี้จะถอนตัวก็ไม่ทันแล้ว เพราะรถตู้และพระอาจารย์ก็กลับไปแล้ว ไม่ทางเลือกอื่น นอกจากต้องอยู่ต่อไปและต้องอยู่ให้ได้ 


ในทุ่งโล่งนั้น รถไถเพิ่งไถเสร็จใหม่ๆ ก้อนดินก้อนใหญ่ๆกระจัดกระจายอยู่เต็มบริเวณ เวลาปักกลดก็ต้องปักให้เรียงเป็นแถวตามลำดับอายุ ไม่สามารถเลี่ยงได้เลย ต้องยกก้อนดินออก ทำพื้นที่ให้ราบเรียบแล้วปักกลด ปูพาสติกรอง  จากนั้นจึงปูเสื่อ หมอนก็ไม่มี ต้องใช้จีวรหนุนแทน เมื่อปักกลดเสร็จก็เป็นอันว่าเรามีที่จำวัดเป็นของตนเองแล้ว

ในคืนนั้น ไม่ทราบว่า เทวดาจะอนุโมทนาหรือกลั่นแกล้งกันแน่ เพราะขณะที่สามเณรผู้มาใหม่ทั้ง ๒๑ รูปเพิ่งจำวัดหลับไปได้ไม่นาน เพราะอากาศร้อนและผิดที่ผิดทาง ทำให้จำวัดไม่หลับ กว่าจะหลับได้ก็ดึกดื่น พอหลับไปได้ไม่นาน เหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น นั่นคือ  ฝนฟ้าก็โปรยปรายลงมาอย่างนัก น้ำเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ  และไหลเข้ามาในกลดซึ่งสามเณรกำลังจำวัดอยู่  พวกจี้งหรีดและแมลงต่างๆที่อาศัยอยู่ตามดินก็ได้วิ่งมาหาความอบอุ่น มานอนด้วยเต็มไปหมด จะลุกไปไหนก็ไม่ได้เพราะที่กุฏิก็มีพี่เณรชุดที่อยู่ประจำพักอยู่ จะไปตอนดึกดื่นแบบนี้ก็กลัวจะรบกวนท่าน จึงได้นอนแช่น้ำอยู่อย่างนั้นทั้งคืนโดยมีเพื่อนนอนด้วยมากมายคือจิ้งหรีดและแมลงต่างๆหลายสิบตัว นับเป็นการต้อนรับน้องใหม่ได้เยี่ยมมากๆ 

เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังจำไม่รู้ลืมจนถึงปัจจุบัน แม้ขณะที่เล่าอยู่นี้ยังนึกถึงความรู้สึกตอนนั้นได้หมด นึกถึงคำในวีดีโอที่หลวงพี่เบญจพลเอาไปฉายให้ดูก่อนมา ซึ่งประชาสัมพันธ์ให้ญาติโยมมาอยู่ธุดงค์สุดสัปดาห์
เขาใช้สโลแกนว่าอยู่กลดหมดทุกข์ พบสุขแท้จริง 
 พอเจอเหตุกาณ์อย่างนี้ กำลังค้นหาอยู่ว่า ความสุขที่ว่านั่น เราได้พบหรือยัง 

แต่สโลแกนนั้นก็เป็นความจริง เพราะต่อมาก็ได้สัมผัสด้วยตัวเองว่า   การอยู่กลดนั้นมีความสุขอย่างคำสโลแกนนั้นจริงๆคือ ทำให้รู้จักประหยัดไม่สะสมของมากเกินไป เพราะพื้นที่มีจำกัดและได้รู้จักบริจาคสิ่งของให้คนอื่นได้ใช้  ได้อยู่กับธรรมชาติ ทำให้ใจปลอดโปร่งเป็นสมาธิได้เร็ว สัมผัสได้ตอนที่นั่งสมาธิแผ่เมตตาก่อนจำวัด รู้สึกเงียบสงบ ทำให้ใจนิ่งได้เร็วขึ้น นี้คือความสุขจากการอยู่กลด แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ เพราะสิ่งที่กำลังเจอคือความลำบากที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วมกลดตั้งแต่วันแรก จะให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างนั้น

วันต่อมาจึงได้ซ่อมแซมที่พักโดยนำก้อนดินก้อนใหญ่ทีเคยเอาออกทิ้งไป นำมาใช้ประโยชน์ใหม่ โดยทำเป็นคันเขื่อนล้อมกลดไว้กันน้ำท่วม ตั้งแต่นั้นมาน้ำไม่ท่วมอีกเลย นึกถึงบรรพบุรุษยุคเก่าๆ ต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติ ต้องเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอด ตอนนี้ตัวเราก็กำลังพบกับชะตากรรมเดียวกัน 

คืนต่อมาน้ำไม่ท่วมแล้ว แต่เจอภัยใหม่อีกแบบ นั่นก็คือ ยุง ซึ่งทีวัดพระธรรมกายยุงชุมมากเพราะอยู่ในทุ่ง มีแอ่งน้ำขังเยอะมาก เวลาเรานอนในกลด กางมุ้งไว้ แต่มีเสาอยู่ตรงกลาง เรานอนได้ด้านเดียว ความยาวของมุ้งไม่พอจะคลุมตลอดตัว พอเอนตัวลงนอน เท้าก็ชิดกับมุ้ง ยุงได้กลิ่นเนื้อมนุษย์ ก็มาจัดปาร์ตี้กันที่หัวแม่โป้งเท้าของเราหลายสิบตัว มองไปเห็นดำมะเมื่อมเลย คืนนี้เราจะได้สร้างอุปบารมีเยอะแยะเลยโดยไม่ได้ตั้งใจ

คืนถัดมาอีกจึงใช้ก้อนดินกันที่ขอบมุ้งอีกชั้นหนึ่ง จึงสามารถรอดพ้นการรุกรานจากยุงร้ายมาได้ เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพื่อที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันให้ได้ นี่เป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า เมื่อมาอยู่ที่วัดพระธรรมกายครั้งแรก



ในช่วงแรก บางวันก็คิดถึงบ้าน คิดถึงโยมพ่อโยมแม่ คิดถึงพี่ๆน้องๆ คิดอยากจะหนีกลับบ้านหลายครั้งเหมือนกัน ในช่วงนี้จึงได้ใช้คำสอนของหลวงพ่อวัดมะนาวหวานที่ท่านให้ไว้ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ว่า

 คนอื่นอยู่ได้เราต้องอยู่ได้,คนอื่นทำได้เราต้องทำได้ ,คนอื่นเรียนได้เราต้องเรียนได้


พอเกิดความท้อแท้ใจคิดอยากจะหนีกลับบ้านก็นึกถึงคำนี้ว่า
 คนอื่นอยู่ได้เราต้องอยู่ได้ 
และช่วงนั้นมีการเตรียมงานมาฆบูชาต้องขุดดินปลูกต้นไม้ ปลูกดอกไม้ เหนื่อยมากเกิดความท้ออีก ก็นึกถึงคำว่า  
คนอื่นทำได้เราต้องทำได้ 
 ก็ทำต่อไปได้ พอเรียนบาลีซึ่งยากมากจำไม่ค่อยได้รู้สึกท้อแท้ใจ ก็นึกถึงคำว่า
คนอื่นเรียนได้เราต้องเรียนได้ 
 ก็มีกำลังใจเรียนต่อไป ในช่วงมาอยู่วัดพระธรรมกายใหม่ได้ใช้คำสอนนี้มาเรื่อยๆ อยู่มาได้เรื่อยๆจนอยู่ตัว และได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ศาลาจาตุมหาราชิกา ฟังธรรมจากหลวงพี่ชินและคณะพระพี่เลี้ยง ทำให้มีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ได้ด้วยตเอง 



มาอยู่ที่วัดพระธรรมกาย ทำให้ชีวิตมีการพัฒนาการมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ฝึกฝนอบรมตนเองทุกรูปแบบได้รับบุญทุกอย่าง ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ให้หลักในการอบรมบุคลากรไว้ ๓ อย่าง คือ 
๑. ฝึกความเคารพ ๒. ฝึกความมีวินัย  ๓. ฝึกความอดทน
 เมื่อได้ฝึกอย่างนี้ทำให้มีความเข้มแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่สำคัญ ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ ทำให้อุดมการณ์เป้าหมายชีวิตมั่นคง 



ถ้านับเวลาแล้วในตอนนั้นต้องอยู่กลดถึงสี่เดือนด้วยกัน  จึงได้โอกาสขึ้นไปพักบนกุฏิในช่วงใกล้เข้าพรรษา นับเป็นเวลาที่ยาวนานมาก แต่เป็นบทเรียนที่มีคุณค่ามาก ทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น 
หลังจากนั้นแม้เจออุปสรรคที่หนักมากเพียงใดก็ไม่หวั่นไหวเลย พร้อมที่จะฝ่าฟันทุกสถานการณ์ ซึ่งจะเล่ารายละเอียดในตอนต่อไปครับ
ขอบคุณภาพจาก dmc.tv และสหพันธ์มหาเปรียญ

อ.อินทปัญญา
๑๑  ส.ค.๕๙



118 comments:

  1. 👍👍🙏🙏👏👏. สาธุๆครับ

    ReplyDelete
  2. อ่านประวัติชีวิตการสร้างบารมีของพระอาจารย์แล้วมีพลังใจในการสร้างบารมีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะเจ้าคะ

    ReplyDelete
  3. ขออนุโมทนาบุญ พระอาจารย์มหาสมบัติ ที่ได้ถ่ายทอดประวัติชีวิตการสร้างบารมีของตนเองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ชวนให้อยากติดตามตอนต่อไปครับ สาธุ สาธุ สาธุ

    ReplyDelete
  4. กราบอนุโมทนาบุญสาธุเจ้าค่ะ ลพ กว่าจะได้มีเพชรเม็ดงามประจำวัด ต้องทั่งอดทั้งทนสุดยอดเจ้าค่ะ สาธุๆๆๆ

    ReplyDelete
  5. กราบขอบพระคุณเจ้าคะที่ท่านได้ถ่ายทอดประวัติการสร้างบรรมี
    กราบอนุโมทนา สาธุๆๆเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  6. เขียนแบบเห็นภาพความยากลำบากของสามเณรสมัยนั้นเลยค่ะ

    ReplyDelete
  7. อนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ค่ะ
    ที่ใจมุ่งมันและเด๊ดเดี่ยวในการสร้างบารมีค่ะ🙏

    ReplyDelete
  8. สาธุเจ้าค่ะ พระอาจารย์มีบุญมากเลยนะคะที่ได้โอกาสนี้

    ReplyDelete
  9. อ่านแล้วเข้าใจเลย. บทฝึกโหดกรองคนจริงมาร่วมทีม

    ReplyDelete
  10. กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ในทุกๆบุญที่มีความมุ่งมั่นสร้างบารมีอย่างเด็ดเดี่ยวมาถึงทุกวันนี้ รักและเคารพ เชื่อมั่นในพระอาจารย์เสมอเจ้าค่ะ กราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  11. สาาธุๆๆ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    "ประวัติศาสตร์ชีวิตแห่งการสร้างบารมี ที่ปลื้มปีติใจ ประทับใจอย่างมิรู้ลืมฯ

    ReplyDelete
  12. กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ทุกรูปเจ้าค่ะ ต้นบุญต้นแบบ สาธุ สาธุ

    ReplyDelete
  13. กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ทุกรูปเจ้าค่ะ ต้นบุญต้นแบบ สาธุ สาธุ

    ReplyDelete
  14. สาธุการค่ะ ท่านเป็นเหล่ากอของสทณะ และเป็นสมณะผู้มีบุญมาก หลายคนไม่มีโอกาสเช่นเเียวกับพระอาจารย์

    ReplyDelete
  15. สาธุๆๆๆ ค่ะ

    ReplyDelete
  16. กราบอนุโมทนาบุญค่ะ
    ทำให้ทราบ ่ถึงความอดทน ของ ยุคบุกเบิกสร้างวัด
    ว่า ไม่่้ได้งายเลย
    ทุกอย่าง ยังไม่เพียบพรอ้ม เหมือนสมัยนี้

    ReplyDelete
  17. การอยู่ร่วมกับหมู่คณะใหญ่ ใครอยู่ได้ก็ได้ขันติบารมี เมตตาบารมี ปัญญาบารมีไปโขเลยทีเดียว เพราะต้องอดทน มีขันติ เมตตา ให้อภัย และฉลาดในการแนะนำตักเตือนกัน จึงเป็นกัลยาณมิตรให้ชาวโลกได้ สาธุๆๆ

    ReplyDelete
  18. อุปสรรคพัฒนาคนเก่งได้แท้จริงเจ้าค่ะ ขอกราบอนุโมทนาบุญค่ะ สาธุค่ะ

    ReplyDelete
  19. สามเณรคืออนาคตของพระพุทธศาสนา

    ReplyDelete
  20. อ่านแล้วซึ้งมาก ท่านต้องเป็นพระแท้

    ReplyDelete
  21. สามเณร คือเหล่ากอของสมณะ พุทธบริษัท 4 คืออายุของพระพุทธศาสนา

    ReplyDelete
  22. กราบอนุโมทนาบุญ เจ้าค่ะ ลูกพระลูกเณร ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ล้วนเป็นผู้มีธาตุทรหดอดทน สูงเยี่ยม

    ReplyDelete
  23. เขียนได้เห็นภาพ ซาบซึ้งประท้บใจ ให้ข้อคิด ชีวิตที่อยู่ของพระที่เติบโตจากสามเณรเปรียญนั้นยากเเค่ไหน เป็นกำลังใจพระอาจารย์ สู้ต่อไปเพื่อพระศาสนา กราบอนุโมทนาบุญค่ะ

    ReplyDelete
  24. กราบอนุโมทนาสาธุ กับพระอาจารย์พญาอินทรีจากจันดีวัดมะนาวหวาน ทีถ่านทอดบทความอันทรงคุณค่า

    ReplyDelete
  25. กราบอนุโมทนาสาธุ กับพระอาจารย์พญาอินทรีจากจันดีวัดมะนาวหวาน ทีถ่านทอดบทความอันทรงคุณค่า

    ReplyDelete
  26. กราบอนุโมทนาบุญ เจ้าค่ะ ลูกพระลูกเณร ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ล้วนเป็นผู้มีธาตุทรหดอดทน สูงเยี่ยม

    ReplyDelete
  27. สาธุๆๆๆอนุโมทนาด้วยนะครับ ปลื้มๆจัง

    ReplyDelete
  28. สาธุๆๆๆอนุโมทนาด้วยนะครับ ปลื้มๆจัง

    ReplyDelete
  29. กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ไม่ง่ายเลยกว่าจะถึงวันนี้ แต่ท่านก็ผ่านมาได้เพราะใจสู้

    ReplyDelete
  30. กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ไม่ง่ายเลยกว่าจะถึงวันนี้ แต่ท่านก็ผ่านมาได้เพราะใจสู้

    ReplyDelete
  31. สาธุครับอ่านง่ายเข้าใจง่ายมากครับ

    ReplyDelete
  32. สาธุเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  33. สาธุ อนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  34. กราบอนุโมทนาบุญกับการสร้างบารมีของพระอาจารย์ค่ะ หลวงพ่อวัดมะนาวหวานท่านคงปลาบปลื้มใจที่ได้เห็นความสำเร็จของพระอาจารย์ในวันนี้ค่ะ

    ReplyDelete
  35. สุธุกับนักรบพันธ์ตะวันทุกท่านด้วยครับ

    ReplyDelete
  36. บทความนี้ อาจกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องราวของเหล่ากอสมณะ

    ReplyDelete
  37. สามเณรวัดพระธรรมกาย ได้ฝึกตนทนหิวบำเพ็ญตะบะเป็นพระแท้จริงๆค่ะ สาธุ

    ReplyDelete
  38. 請大家團結一致支持佛教,真正無私弘揚佛法的僧團值得敬仰

    ReplyDelete
  39. 請大家團結一致支持佛教,真正無私弘揚佛法的僧團值得敬仰

    ReplyDelete
  40. กราบอนุโมทนาบุญพระอาจารย์ด้วยนะครับ..
    ที่นำประสพการณ์การสร้างบารมี..มาถ่ายทอดให้เราได้มีกำลังใจ..จะสู้ต่อไป...สาธุครับ

    ReplyDelete
  41. กราบอนุโมทนาบุญพระอาจารย์ด้วยนะครับ..
    ที่นำประสพการณ์การสร้างบารมี..มาถ่ายทอดให้เราได้มีกำลังใจ..จะสู้ต่อไป...สาธุครับ

    ReplyDelete
  42. บทความที่น่าอ่าน

    ReplyDelete
  43. เห็นภาพตามเลยค่ะ ความลำบากรุ่นแรกๆๆ สาธุ

    ReplyDelete
  44. เห็นภาพตามเลยค่ะ ความลำบากรุ่นแรกๆๆ สาธุ

    ReplyDelete
  45. สามเณรได้รับการฝึกหนัก จึงมาเป็นพระแท้ หลวงพ่อทั้งสองอยู่เบี้องหลังในทุกสิ่ง เรารักหลวงพ่อค่ะ

    ReplyDelete
  46. สามเณรได้รับการฝึกหนัก จึงมาเป็นพระแท้ หลวงพ่อทั้งสองอยู่เบี้องหลังในทุกสิ่ง เรารักหลวงพ่อค่ะ

    ReplyDelete
  47. สาธุ_กราบอนุโมทนาบุญมหาปูชนียาจารย์ทั้ง3ที่ท่านได้กำเนิดวัดพระธรรมกายมาให้พวกเราได้สร้างบารมีร่วมกันมาจนถึงณ.ปัจจุบันนี้..รักวัดพระธรรมกายค่ะ สามัคคีคือ..พลังสาธุ

    ReplyDelete
  48. กราบอนุโมทนาบุญสาธุกับพระภิกษุสงฆ์สามเณรแห่งกองทัพธรรมทุกรูปเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  49. บทฝึกสุดยอดเลย ถ้าผ่านการฝึกหนักจนถึงทุกวันนี้ได้ นับเป็นยอดคน กราบคารวะเลยครับ

    ReplyDelete
  50. สาธุสาธุค่ะ

    ReplyDelete
  51. อยู่กลดหมดทุกข์จริงๆ นะคะ สามเณรรุ่นแรกๆ ของวัดพระธรรมกายถูกฝึกและหล่อหลอมอย่างเข้มข้นมากมาย จนปัจจุบันนี้หลายๆ รูปเป็นพระภิกษุผู้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระศาสนาออกไปทั้งในไทยและต่างแดน

    ReplyDelete
  52. ชนะอธรรม เป็นสิ่งแน่นอนที่สุด

    ReplyDelete
  53. กราบอนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ

    ReplyDelete
  54. กราบอนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ

    ReplyDelete
  55. สามเณรแท้_ พระแท้ อุปสรรคไม่มีบารมีไม่เกิด สุดยอดของการฝึกตน
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    ReplyDelete
  56. สาธุ. การบวชเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้น

    ReplyDelete
  57. กว่าจะมีวันนี้ได้มิใช่น้อยเลยสำหรับพระวัดพระธรรมกาย.., แล้วจะไม่รักเคารพท่านได้อย่างไร

    ReplyDelete
  58. การบวชไม่ได้สุขสบายแบบทางโลก ต้องฝึกฝนอบรมตนเอง ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ และยังต้องเทศน์สอนญาติโยม รักษาสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยาวนาน บันเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญยิ่งทีเดียว สาธูุๆๆ

    ReplyDelete
  59. ท่านคือเพชรนํ้าหนึ่งที่ผ่านการเจียระไนมาจากมือของหลวงพ่อทั้งสองท่าน
    พระมหา ดร. ปธ.10 หาได้ยากมากๆคะ
    กราบ กราบ กราบ พระอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งเจ้าคะ

    ReplyDelete
  60. สาธุ เพชรกว่าจะมีคุณค่า ต้องผ่านความกดดัน และกาลเวลาเพื่อพิสูจน์คุณค่าในตัวเอง กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ที่ผ่านช่วงเวลาในการพิสูจน์ตัวเอง จนเป็นเพชรน้ำหนึ่งแห่งพระพุทธศาสนาครับ

    ReplyDelete
  61. เป็นบทฝึกความอดทนที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา การฝึกแบบใช้หลักการคิดแบบนี้ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น ผู้เขียนก็ใช้หลักนี้เช่นกันค่ะ สาธุ

    ReplyDelete
  62. สาธุครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ครับ

    ReplyDelete
  63. เส้นทางธรรมหนุนนำชีวิตให้รุ่งเรือง
    โดย...อ.อินทปัญญา

    ตอนที่ ๑ http://inthapanya99.blogspot.com/2016/08/blog-post.html


    ตอนที่ ๒ http://inthapanya99.blogspot.com/2016/08/normal-0-false-false-false-en-us-x-none.html

    ตอนที่ ๓http://inthapanya99.blogspot.com/2016/08/blog-post_13.html

    ตอนที่ ๔ http://inthapanya99.blogspot.com/2016/08/blog-post_14.html

    ReplyDelete
  64. ประสบการณ์และความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ สาธุๆๆครับ

    ReplyDelete
  65. กราบอนุโมทนาบุญด้วยเจ้าค่ะ...สาธุ

    ReplyDelete
  66. กราบอนุโมทนาบุญค่ะ

    ReplyDelete
  67. สมกับคำกล่าว อยู่กลดหมดทุกข์ พบความสุขเเท้จริง อนุโมทนาบุญกับพ่ทธบุตรด้วย สาธุ สาธุ สาธุครับ

    ReplyDelete
  68. กราบพระอาจารย์ทุกรูปด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  69. กราบพระอาจารย์ทุกรูปด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ

    ReplyDelete
  70. กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ด้วยครับ สาธุ

    ReplyDelete
  71. กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ด้วยครับ สาธุ

    ReplyDelete
  72. กราบอนุโมธนาบุญ พระ อาจารย์ทุกรูปที่ทนรอ้น ทนหนาว มาดว้ยกัน กว่าจะเป็นอย่างนี้ก็เพราะแรงศรัธทาจากสาธุชน

    ReplyDelete
  73. นับเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ขอให้ทุกท่านได้บุญด้วยกันครับ

    ReplyDelete
  74. ปลื้มมากๆ ค่ะ ที่ได้อ่านบทความอันทรงคุณค่า กราบอนุโมทนาบุญกับหลวงพี่ด้วยนะคะ🙏🙏🙏

    ReplyDelete